วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

สาร BT (2 สายพันธุ์) กำจัดหนอนปราบยากและดื้อยาทุกชนิด ไม่มีสารพิษตกค้าง

Bacillus thuringiensis (BT) var kurstaki + izawai 36,000 IU/mg 

สามารถกำจัดหนอนครอบคลุมได้ทุกชนิด ป้องกันหนอนดื้อยา ในท้องตลาดจะมีแต่ Btไม่ kurstaki ก็ Bt izawai ชนิดใดชนิดหนึ่ง

เชื้อบีที (Bt) ทำงานอย่างไร?

      ก่อน อื่นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจว่าเชื้อบีทีไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือนสาร เคมีกำจัดแมลงศัตรูพืชที่ใช้กันอยู่ทั่วๆไป เชื้อบีทีสามารถควบคุม แมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้มีฤทธิ์แบบถูกตัวตาย หรือ “น๊อกดาว” คือศัตรูพืช ไม่ได้ถูกฆ่าตายในทันทีที่ฉีดพ่น แมลง จะต้องกินส่วนของพืชที่เคลือบด้วย เชื้อบีทีในปริมาณที่มากพอที่จะถูกฆ่าได้ เมื่อบีทีจำนวนมากพอถูกกิน พิษในผลึกโปรตีนจะไปทำให้ส่วนของ ปากและช่องท้องของหนอนเป็นอัมพาต แมลงศัตรูพืชเริ่มมีการเคลื่อนไหวที่ช้าลง และหยุดกินอาหารในเวลาไม่กี่นาทีถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ได้รับเชื้อเข้า ไปมากพอ พิษดังกล่าวจะทำลายผนังช่องท้องของแมลงภายในหนึ่งชั่วโมงทำให้สปอร์ของเชื้อ บีทีและชิ้นส่วนในช่องท้องแมลงหลุดลอด เข้าไปในส่วนที่เป็นช่องว่างของร่างกายแมลงทำให้แมลงตาย เนื่องจากขาดอาหาร และอาการเลือดเป็นพิษ และ/หรือ osmotic shock ภายใน 24 – 48 ชั่วโมง หนอนบางตัวที่ตายเนื่องจากเชื้อบีทีอาจมีสีซีด หรือเปลี่ยนเป็นสีดำ หนอนที่ตายแล้วมักจะเหี่ยวย่น และร่วงหล่นลงจากต้นพืช ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้โดยง่าย

ใช้กำจัดหนอนชนิดต่าง ๆ เช่น

หนอนกระทู้ผัก หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนหลอดหอม หนอนด้วงหมัดกระโดด (แมงกระเจ๊า)
หนอนเจาะผลมะเขือเทศ หนอนเจาะดอกมะลิ หนอนกอข้าว
หนอนกินใบสัก หนอนหนังเหนียว หนอนหญ้าแมวในปาล์มน้ำมัน หนอนกระทู้หอมในผักต่าง ๆ
หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน หนอนเจาะขั้วลิ้นจี่ หนอนเจาะขั้วผลลำไย หนอนแปะใบส้ม หนอนม้วนใบข้าว หนอนแมลงวันผลไม้ และหนอนปราบยากทุกชนิด ฯลฯ

เหมาะที่จะใช้ในแปลงปลูกผักปลอดสารพิษ และ ใช้ทดแทนสารเคมีที่ราชการประกาศห้ามใช้ เช่น โมโน
โค รโตฟอส เมวินฟอส และเอ็นโดซัลแฟน ฯลฯ เพราะปลอดภัยต่อแมลงศัตรูธรรมชาติ เช่น แมลงห้ำ แมลงเบียน ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และปลาตลอดจนไม่มีพิษตกค้างในพืชและ สิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้บริโภค


อัตราการใช้ : 50-100 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร

วิธีการใช้:

1.ไม่ต้องแช่ก่อนใช้ สามารถผสมลงถังฉีดยาได้เลย อัตรา 50 กรัม  (หนอน ตัวเล็กอายุเต็มที่ 5 วัน) - 100 กรัม (หนอนตัวใหญ่ อายุมากกว่า 5 วัน) ต่อ น้ำ 20 ลิตร ฉีดช่วงเย็น หรือช่วงเช้า จะได้ผลดีที่สุด
2.สามารถผสมกับสารเคมีได้ทุกชนิดทั้งยาฆ่าแมลงและยาป้องกันโรค
ถ้าผสมกับยาเคมีกำจัดหนอน เช่น อบาเมคติน ไซเปอร์ฯ ฮาชิ ฮาชิ ฯลฯ จะทำให้หนอนไม่ดื้อยากับสารเคมีตัวนั้นๆ ซึ่งจะปราบหนอนได้เด็ดขาด
3.สำหรับยาป้องกันโรค ยกเว้น ยาที่มีสารคอบเปอร์เป็นองค์ประกอบ 3 ตัว คือ คอบเปอร์ออกซี่คลอไรด์ คอบเปอร์ไฮดรอกไซด์ คอบเปอร์ซัลเฟต
4.หนอนไม่ดื้อยากับบีที (2 สายพันธุ์) กำจัดหนอนได้ทุกชนิด และเป็นยากำจัดหนอนที่ดีที่สุดทั้ง หนอนผีเสื้อ และหนอนแมลงวัน
5.ปลอดภัย ต่อแมลงศัตรูธรรมชาติ ผู้ใช้(คนฉีด) ผู้บริโภค ไร้สารพิษตกค้างบนผลผลิต ไม่มีกลิ่นเหม็น สามารถฉีดโดยไม่ต้องใส่หน้ากากให้เกิดความรำคาญ

การจัดการศัตรูข้าว แบบไม่ตายผ่อนส่งด้วยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่สะสมใน
ร่างกายทีละน้อยๆ ซึ่งในอนาคตเป็นสาเหตุของโรคร้ายหลายชนิด เช่น มะเร็ง
(ถ้าร่างกายหรือสุขภาพไม่แข็งแรง ถึงมีเงินมาก ก็ไม่มีประโยชน์)

บีที 2 สายพันธุ์ สำหรับ หนอนกอข้าว, หนอนห่อใบข้าว       
     (ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่เป็นอันตรายกับคนฉีด จึงไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากปิดหน้า,ปาก,จมูก ให้เป็นที่รำคาญ)

ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช


ธาตุอาหารพืชแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

1.ธาตุอาหารหลัก
1.1 ธาตุไนโตรเจน
หน้าที่และความสำคัญ
      ช่วยทำให้พืชตัวตัวได้เร็วในระยะแรกของการเจริญเติบโต ช่วยเสริมใบและลำต้นให้มีสีเขียวเข้ม และช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนให้แก่พืชที่ใช้เป็นพืชอาหาร เช่น ข้าวหรือหญ้าเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องควบคุมการออกดอกออกผลของพืช ช่วยเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น โดยเฉพาะพืชที่ให้ผลและเมล็ด

อาการของพืชที่ขาด
      ใบจะเหลืองผิดปกติจากใบล่างไปสู่ยอดลำต้นจะผอม กิ่งก้านลีบเล็ก และมีใบน้อยพืชบางชนิดอาจจะมีลำต้นสีเหลือง หรืออาจจะมีสีชมพูเจือปนด้วยใบพืชที่มีสีเหลือง ปลายใบและขอบใบจะค่อย ๆ แห้งและลุกลามเข้ามาเรื่อย ๆ จนใบร่วงจากลำต้นก่อนกำหนดพืชจะไม่เติบโต หรือโตช้ามาก

1.2 ธาตุฟอสฟอรัส
หน้าที่และความสำคัญ
     ช่วยให้ราดดึงดูดโปแตสเซียมเข้ามาใช้เป็นประโยช์ได้มากขึ้นช่วยแก้ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากพืชได้รับไนโตรเจนมากเกินไปส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากฝอยและรากแขนงในระยะแรกของการเจริญเติบโตช่วยเร่งให้พืชแก่เร็ว ช่วนในการออกดอก และสร้างเมล็ดของพืชเพิ่มความต้านทานต่อโรคบางชนิด ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดีทำให้ลำต้นของพืชจำพวกข้างแข็งขึ้นไม่ล้มง่าย

อาการของพืชที่ขาด
     พืชจะชะงักการเจริญเติบโต ต้นแคระแกรน พืชบางชนิดอาจจะมีลำต้นบิดเป็นเกลียว เนื้อไม้จะแข็ง แต่เปราะและหักง่ายรากจะเจริญเติบธตและแพร่กระจายลงในดินช้างกว่าที่ควร ดอกและผลที่ออกมาไม่สมบูรณ์ หรือบางครั้งอาจหลุดร่วงไป หรืออาจมีขนาดเล็กพืชจำนวกลำต้นอวบน้ำหรือลำต้นอ่อน ๆ จะล้มง่ายใบแก่จะเปลี่ยนสีหรือพืชบางชนิดใบจะเป็นสีม่วงอาการจะเกิดขึ้นกับใบล่าง ๆ ของต้นขึ้นไปหายอด

1.3 ธาตุโปแตสเซียม
หน้าที่และความสำคัญ
ส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก ทำให้รากดูดน้ำได้ดีขึ้น
มีความจำเป็นต่อการสร้างเนื้อของผลไม้ให้มีคุณภาพดี
ทำให้พืชมีคามต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ
ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคต่าง ๆ
ช่วยป้องกันผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับพืช เนื่องจากการได้รับไนโตรเจนและฟอสฟอรัสเมากเกินไป
ช่วยเพิ่มคุณภาพของพืชผักและผลไม้ โดยทำให้พืชมีสีสัน ขนาด ความหวาน และคงทนต่อสภาวะแวดล้อมได้

อาการของพืชที่ขาด
ขอบใบเหลือง และกลายเป็นสีน้ำตาล โดยเริ่มต้นจากปลายใบเข้าส่งกลางใบ ส่วนที่เป็นสีน้ำตาลจะแห้งเหี่ยวไป จะเกิดจากใบล่างก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ลามขึ้นข้างบน พืชที่เห็นชัดคือข้าวโพด
ทำให้ผลผลิตตกต่ำ พืชจำนวกธัญพืชจะทำให้เมล็ดลีบ มีน้ำหนักเบา พืชหัวจะมีแป้งน้อยและน้ำมาก ข้าวโพดจะมีเมล็ดไม่เต็มฝัก ฝักจะเล็กมีรูปร่างผิดปกติ ใบยาสูบมีคุณภาพต่ำ ติดไฟยาก กลิ่นไม่ดี พืชจำพวกฝ้ายใบจะมีสำน้ำตาลปนแดง สมอฝ้ายที่เกิดขึ้นจะไม่อ้าเต็มที่เมื่อแก่

2.ธาตุอาหารรอง
2.1 ธาตุแคลเซียม
     เป็นธาตุที่ต้นพืชนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตในตัวพืช ช่วยส่งเสริมการนำธาตุไนโตรเจนจากดินมาใช้เห้เป็นประโยชน์มากขึ้น ในระยะออกดอกและระยะที่สร้างเมล็ดพืชจะมีความจำเป็นมาก เพราะธาตุแคลเซียมจะมีส่วนในการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในพืช เพื่อนำไปใช้ในการสร้างผลและเมล็ดต่อไป

    อาการของพืชที่ขาดแคลเซียมจะพบมากในบริเวณยอด และปลายราก ยอดอ่อนจะแห้งตาย และใบจะมีการการม้วนงอไปข้างหน้าและขาดเป็นริ้ว ๆ ซึ่งจะเกิดที่ใบอ่อนก่อน แก้ไขโดยการใส่ปูนขาว หินปูนบด หินปูนเผา เพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน หรือการใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดิน

2.2 ธาตุกำมะถัน
    กำมะถันมีความจำเป็นต่อการสร้างโปรตีนพืช เป็นองค์ประกอบของวิตามินบางตัวที่มีผลทางอ้อมต่อการสร้างสีเขียวของพืช ซึ่งจะช่วยให้เกิดการหายใจและการปรุงอาหารพืช

    พืชที่ขาดกำมะถันจะมีเสียเขียวอ่อน หรือเหลืองคล้าย ๆ อาการขาดไนโตรเจน ใบขนาดเล็กลง ยอดของพืชจะชะงักการเจริญเติบโต ลำต้นและกิ่งก้านลีบเล็ก อาการขาดธาตุกำมะถันจะมีอาการแตกต่างจากขาดธาตุไนโตรเจน คือจะปรากฏที่ยอดอ่อนก่อน ส่วนใบล่างยังคงปกติ ถ้าอาการรุนแรงใบล่างก็จะมีอาการด้วยเช่นกัน ซึ่งจะตรงข้ามกับอาการของการขาดไนโตรเจน จะแสดงอาการที่ใบล่างก่อน
ดินที่มักพบเสมอว่าขาดธาตุกำมะถันคือ ดินทราย ซึ่งมีอินทรีย์วัตถุน้อย การเพิ่มกำมะถันในดิน นอกจากจะมีการใส่กำมะถันผงโดยตรงแล้ว การใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยพืชสด ก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาการขาดธาตุกำมะถันในดินได้เช่นกันแต่ข้อควรระวังในการใส่กำมะถันก็คืน หากใส่มากเกินความจำเป็นจะทำให้ดินเป็นกรดได้

2.3 ธาตุแมกนีเซ๊ยม
      เป็นองค์ประกอบของส่วนที่เป็นสีเขีย ทั้งที่ใบและส่วนอื่น ๆ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างอาหารและโปรตีนพืช

     อาการขาดแมกนีเซียมจะสั่งเกตได้จาบใบพืช ที่เหลืองซีดบริเวณเส้นกลางใบที่อยู่ใกล้กับผล ถ้าหากอาการขาดรุ่นแรงใบแก่จะมีอาการมากกว่าใบอ่อน

     การขาดธาตุแมกนีเซียม จะทำให้ผลผลิตลดน้อยลงและต้นพืชทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสาเหตุที่พืชขาดธาตุแมกนีเซียมนั้น เพราะปริมาณแมกนีเซียมที่อยู่ในดินถูกชะล้างลึกลงไปเกินกว่าที่รากพืชจะดึงดูดมาใช้ได้ และการที่มีปริมาณโปแตสเซียมสะสมในดินมากเกินไปก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ

     การแก้ไข สามารถทำได้โดยการปรับปรุงสภาพดิน ความเป็นกรด ด่างของดินให้เหมาะสมต่อการดูดเข้าไปใช้ของพืช และมีการใช้ปุ๋ยโปแตสเซียมที่พอเหมาะ ที่สำคัญก็คือ การฉีดพ่นทางใบด้วยธาตุอาหารเสริม ซึ่งมีธาตุแมกนีเซียมในรูปที่พืชสามารถนำปใช้ได้ทันที

3.ธาตุอาหารเสริม
3.1 ธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบของโปรตีน และมีบทบาทสำคัญในการปรุงอาหารของพืช ช่วยกระตุ้นให้การหายใจและการปรุงอาหารของพืชเป็นไปอย่างสมบูรณ์

อาการขาดธาตุเหล็กจะแสดงออกทั้งทางใบและทางผล อาการเริ่มแรกจะสังเกตพบว่าใบอ่อนบริเวณเส้นใบยังคงมีคามเขียว แต่พื้นใบจะเริ่มเหลืองซีด ส่วนใบแก่ยังคงมีอาการปกติ ระยะต่อมาจะเหลืองซีดทั้งใบ ขนาดใบจะเล็กลงกว่าปกติและจะร่วงไปก่อนใบแก่เต็มที่ กิ่งแห้งตาย ส่วนอาการที่เกิดขึ้นกับผลผลิตคือผลผลิตจะลดลง ขนาดของผลเล็กและผิวไม่สวย ผิวเรียบและเกรียม การขาดธาตุเหล็กยังมีผลต่อการนเจริญของยอดอ่อนด้วย

การแก้ไข ตามปกติช่งความเป็นกรด-ด่างของดินที่พืชสามารถนำธาตุเหล็กไปใช้ได้คือ ค่า pH ระหว่าง 5.5-5.6 แต่ถ้าค่า pH ต่ำกว่านี้ จะทำให้ปริมาณของธาตุเหล็กมีมากเกินไปจนก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อพืชได้ ธาตุเหล็กจะไปตรึงธาตุฟอสฟอรัสไว้จนพืชไม่สามารถนำไปใช้ได้ การแก้ไขด้วยการฉีดพ่นธาตุอาหารเสริมทางใบ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาการขาดธาตุเหล็กได้

3.2 ธาตุทองแดง
หน้าที่ของธาตุทองแดง มีผลต่อพืชโดยอ้อม ในการสร้างส่วนที่เป็นสีเขียวของพืช ช่วยเพิ่มโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ และป้องกันการถูกทำลายส่วนสีเขียว นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบของน้ำย่อยในพืช ซึ่งมีผลต่อการปรุงอาหารยังผลต่อการเจริญเติบโตและการติดดอกออกผล
ธารุทองแดงยังช่วยให้ต้นพืชสามารถดูดเอาธาตุเหล็กที่อยู่ในดินนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

อาการของพืชที่ขาดธาตุทองแดง
ใบพืชจะมีสีเขียวจัดผิดปกติ แล้วต่อมาจะค่อย ๆ เหลืองลง ๆ โดยแสดงอาการจะยอดลงมาถึงโคน อาการขาดธาตุทองแดงพบมากในเขตดินเปรี้ยว การใช้ปุ๋ยฟอสเฟตอาจช่วยได้ หรือฉีดพ่นด้วยธาตุอาหารเสริม (ที่มีทองแดงประกอบ) ทางใบ

3.3 ธาตุสังกะสี
สังกะสีมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนพืช กล่าวคือ พืชที่ขาดธาตุสังกะสีจะให้ปริมาณฮอร์โมน IAA ในตายอดลดลง ทำให้ตายอดและข้อปล้องไม่ขยาย ใบออกมาซ้อน ๆ กัน นอกจากนี้ยังมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำย่อยของพืชหลายชนิดในการสร้างอาหารและสังเคราะห์แสง จึงมีผลทางอ้อมในการสร้างส่วนสีเขียวของพืช

การแก้ไขที่และและให้ผลแน่นอนคือการฉีดพ่นทางใบ ด้วยธาตุอาหารเสริมที่มีธาตุสังกะสีเป็นองค์ประกอบ

3.4 ธาตุแมงกานีส
ธาตุนี้มีผลกระทบต่อใบ เนื่องจากมีบทบาทในการสั่งเคราะห์แสง เป็นตัวกระตุ้นการทำงานของน้ำย่อยในต้นพืช และยังควบคุมกิจกรรมของธาตุเหล็กและไนโตรเจนในต้นพืชอีกด้วย

พืชที่ขาดธาตุแมงกานีสใบจะออกสีเหลือง ๆ ส่วนเส้นใบจะเขียวอยู่ปกติ โดยเฉพาะใบอ่อนอาจเกิดเป็นจุดขาว ๆ หรือจุดเหลืองที่ใบ ต้นโตช้า ใบไม่สมบูรณ์ พุ่มต้นโปร่ง

พืชที่แสดงอาการขาดธาตุแมงกานีส ต้องฉีดพ่นเข้าทางใบด้วยธาตุอาหารเสริมที่มีองค์ประกอบของธาตุแมงกานีส

3.5 ธาตุโบรอน
มีบทบาทเกี่ยวข้องต่อการดูดดึงธาตุอาหารพืช ช่วยให้พืชดูดเอาธาตุแคลเซียมและไนโตรเจนไปใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้พืชใช้ธาตุโปแตสเซียมได้มากขึ้น มีบทบาทในการสังเกคราะห์แสง การย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเพิ่มคุณภาพทั้งรสชาติ ขนาด และน้ำหนักของผล เพิ่มความสามารถในการเจริญเติบโต เพราะโบรอนจะควบคุมการดูดและคายน้ำของพืชในขบวนการปรุงอาหารอีกทางหนึ่ง

หากขาดธาตุโบรอน ส่วนที่จะแสดงอาการเริ่มแรกคืนยอดและใบ่อ่อน ส่วนที่ยอดและตายอดจะบิดงอ ใบอ่อนบางและโปร่งใสผิดปกติ เส้นกลางใบหนากร้าน และตกกระ มีสารเหนียว ๆ ออกมาตามเปลือกของลำต้น กิ่งก้านจะแลดูเหี่ยว ผลเล็กและแข็งผิดปกติ มีเปลือกหน้า บางทีผลแตกเป็นแผลได้

อาการขาดธาตุนี้จะเห็นเด่นชัดเมื่อต้นพืชกระทบแล้งหรือขาดน้ำมาก ๆ ควรทำการปรับปรุงดินอย่าให้เป็นกรด-ด่างมาก และควรฉีดพ่นอาหารเสริมทางใบที่มีองค์ประกอบของโบรอนด้วย

3.6 ธาตุโมลิบดินัม
บทบาทและหน้าที่ของธาตุโมลิบดินัมในพืชนั้น ทำให้การทำงานของธาตุไนโตรเจนในพืชสมบูรณ์ขึ้น นอกจากนี้ ยังจำเป็นสำหรับขบวนการสร้างสารสีเขียวและน้ำย่อยภายในพืชบางชนิดด้วย

พืชที่ขาดธาตุนี้ ที่ใบแจะเป็นจุดด่างเป็นด้วย ๆ ในขนะที่เส้นใบยังเขียวอยู่ ถ้าขาดธาตุนี้รุนแรง ใบจะม้วยเข้าข้างใน ลักษณะที่ปลายและขอบใบจะแห้ง ดอกร่วง และผลเคระแกรนไม่เติบโตเต็มที่

3.7 ธาตุคลอรีน
คอลรีนมีความสำคัญต่อขบวนการสังเคราะห์แสง มีผลทำให้พืชแก่เร็วขึ้น พืชที่ขาดธาตุคลอรีนใบจะซีด เหี่ยว และใบสีเหลืองบรอนซ์ ถ้ามีคลอรีนมากจำทำให้ของใบแห้ง ใบจะเหลืองก่อนกำหนด

อาซีตอน


@@ คุณสมบัติ @@
- ปรับคุณภาพน้ำให้สะอาด ปราศจากเชื้อโรคก่อนฉีดพ่น
- สามารถทำลาย เชื้อโรค เชื้อรา ได้มากถึง 99%
- สามารถใช้ร่วมกับยาฆ่าแมลง และอาหารเสริมได้
- ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม


@@ ประสบการณ์ผู้ใช้สินค้า @@

จิรา-ซุปเปอร์กรีน

จิรา–ซุปเปอร์กรีน

คุณสมบัติ
      ปุ๋ยน้ำ สูตรเข้มข้น จะช่วยทำให้พืชได้สารอาหาร สูตรเข้มข้นที่มีประโยชน์ เป็นอาหารสำหรับพืชและดินอย่างแท้จริง โดย จิรา-ซุปเปอร์กรีน เป็น สุดยอดนวัฒกรรมเพื่อการเกษตร และใช่เทคโนโลยีล่าสุด เพื่อให้ได้วิตามิน กรดอะมิโน เอ็นไซด์ และธาตุอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อพืช และยังมีส่วนผสมที่สกัดได้จากสมุนไพรต่างๆ นำมาย่อยโมเลกุล เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อพืช โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญ ครบถ้วน ทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตอาหารเสริม โปรตีน วิตามิน กรดอะมิโนจากธรรมชาติมากกว่า 10 ชนิด ฮอร์โมนพืชจากธรรมชาติ สารไล่แมลง พืชสามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง

ประโยชน์
- ช่วยเร่งการเจริญเติบโตทุกส่วนของพืช ต้น ราก ใบ ทำให้เจริญเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็ว
- ป้องกันแมลงและเชื้อรา,โรคพืช,ศัตรูพืช เข้ามาทำลายได้ยาก
- ช่วยกระตุ้นการออกดอก ออกผล และเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น
- ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มขนาดของผลตลอดจนสีสันและรสชาดของพืช
- ช่วยป้องกันการขาดธาตุอาหารต่างๆของพืชได้ดี
- ช่วยกระตุ้นราก และช่วยให้พืชดูดซึมปุ๋ยได้ดีมากขึ้นลดต้นทุนการสิ้นเปลืองปุ๋ย
- ปลอดสารพิษ 100%

อัตราและวิธีการใช้
- ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง พืชไร่ต่าง ๆ ใช้อัตรา 20 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นหลังงอก 14 วัน แล้วฉีดพ่นทุกๆ 10-15 วัน ช่วยให้ต้นข้าวแข็งแรงได้ผลผลิตสูง
- พืชตระกูลผัก ผักคะน้า กะหล่ำต่างๆ ผักกาด หอม กระเทียม มะเขือต่างๆ ฉีดพ่นหลังงอก และทุกๆ 10-14 วัน โดยใช้อัตรา 2-3 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
- ไม้ผลต่างๆ
เงาะ ทุเรียน มังคุด มะม่วง มะนาว ฝรั่ง ลำไย ลิ้นจี่ ชมพู่ พุทรา มะขามหวาน ฉีดพ่นหลังตัดแต่งกิ่ง และช่วงก่อนออกดอก 1 เดือน และทุกๆ 10-14 วัน/ครั้ง
ส้ม ฉีดก่อนกักน้ำ และหลังขึ้นน้ำ 3-5 วัน เพื่อกระตุ้นตาดอก และทำให้ดอกสมบูรณ์ติดง่าย และฉีดพ่นทุก 14-15 วัน โดยใช้อัตรา 3-5 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร องุ่น ฉีดพ่นก่อนตัดแต่งกิ่ง 15 วัน เพื่อสะสมอาหาร และแตกยอดอ่อนหลังตัดแต่งกิ่ง 3-5 วัน เพื่อสร้างตาดอก และทุกๆ 10-14 วัน โดยใช้อัตรา 3-5 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
- ไม้ดอกไม้ประดับ
กล้วยไม้ กุหลาบ มะลิ ใช้อัตรา 2-3 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นได้ทุกระยะ ช่วยให้สีสด ลำต้น และระบบรากแข็งแรง

จิรา-ซุปเปอร์โกร


คุณสมบัติ : 

ผงปุ๋ย ช่วยกระตุ้นการออกดอก ติดผล สร้างสี เร่งแป้ง เร่งผลใหญ่ น้ำหนักดี เพิ่มผลผลิตให้กับพืช อุดมด้วยธาตุอาหารหลัก อาหารรอง อาหารเสริม และกรดอะมิโน 20 ชนิดที่พืชต้องการ ช่วยป้องกันดอกร่วง ผลร่วง สร้างความแข็งแรงของผนังเซล์พืชป้องกันแมลง ศัตรูพืชส่งเสริมการผสมเกรสของพืชไร่ พืชสวน ไม้ดอก แก้ปัญหาการขาดธาตุอาหารในพืชทุกชนิด

ชนิดพืช : พืชไร่,พืชสวน,ผักกินใบ,ผักกินผล,ไม้ดอก

อัตราการใช้ : 
- นาข้าว อัตราการใช้ 20-30 กรัม(1-2 ช้อนโต๊ะ)ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 15-20 วัน
- พืชไร่ อัตราการใช้ 20-30 กรัม(1-2 ช้อนโต๊ะ)ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 15-20 วัน
- พืชสวน อัตราการใช้ 30-50 กรัม(2-3 ช้อนโต๊ะ)ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 15-20 วัน
- ไม้ดอก อัตราการใช้ 20-30 กรัม(1-2 ช้อนโต๊ะ)ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 15-20 วัน

ช่วงการใช้ : ระยะเจริญเติบโต ระยะก่อนออกดอก ระยะกำลังออกดอก ระยะหลังออกดอก

กรดอะมิโน - ประโยชน์ของการใช้กรดอะมิโน

ประโยชน์ 
1.ช่วยลดความเครียดของพืช 
การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ทำให้พืชเกิดความเครียด และ พืชจะมีกลไกทั้งทางชีวภาพและชีวเคมีในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพ แวดล้อม 
กลไลในการตอบสนองของพืชนี้อาจจะนำไปสู่ความเสียหายกับพืช โดยส่งผลกับการเจริญเติบโตของพืชได้ 
ความเครียดจากสภาพดินฟ้าอากาศ (เช่น ปริมาณน้ำ, แสงแดด, ค่าความเค็ม, ค่าพีเอช, ระดับอุณหภูมิสูงต่ำ, ปริมาณโลหะหนัก, ปริมาณธาตุอาหาร, และ มลภาวะ) 
หรือ ความเครียดจากสาเหตุอื่นๆ (เช่น ความเสียหายของต้นพืช, การเป็นพิษที่ได้รับจากการใช้สารกำจัดศัตรูพืช, การโดนเชื้อรา/หนอน/หรือแมลงทำร้ายต้นพืช) 
อาจส่งผลต่อวงจรชีวิตของพืช (เช่น การแตกใบอ่อน การออกดอก การติดผล การสุกของผล) 
ความเครียดเหล่านี้อาจส่งผลให้ การเติบโตและการสังเคราะห์โปรตีนของพืชลดลง ซึ่งจะทำให้เป็นพิษกับพืช การฉีดพ่นกรดอะมิโนเข้าไปจะช่วยให้เกิดการสังเคราะห์โปรตีนในพืช

2.เพิ่มชีวิตชีวาให้พืช
เดลแฟนสามารถถูกดูดซืมได้อย่างรวดเร็วทั้งการฉีดพ่นและการให้ทางดิน
เดลแฟนช่วยให้พืชฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพราะเดลแฟนมีส่วนผสมของโปรตีนไนโตรเจนสูง
เดลแฟนเป็นสารกระตุ้นชีวิตชีวาตามธรรมชาติของ ใบ ราก ผล และ ดอก
เดลแฟนให้ผลคล้ายกับฮอร์โมน เช่น ช่วยการแบ่งเซลล์ การแตกราก การออกเกสร และการงอก
กรดอะมิโนที่ให้เป็นกรดอะมิโนอิสระในรูปแอล-อัลฟ่า 100% ช่วยให้พืชสามารถฟื้นตัวจากภาวะวิกฤติ
การใช้เดลแฟนในช่วงวิกฤติจะช่วยให้กรดอะมิโนในรูปแอล-อัลฟ่าให้กับพืชได้ อย่างมีรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่พืชเครียดลง และลดผลลบจากภาวะเครียดลงด้วย

3.ประหยัดพลังงานของพืช
ในกลไกของพืช พืชต้องต้องพลังงานมากในการสังเคราะห์กรดอะมิโน จะช่วยให้พืชสามารถประหยัดพลังงานในการจะไปใช้สร้างกรดอะมิโน 
และสามารถนำพลังงานในส่วนนี้ไปใช้กระบวนการอื่นได้ ... ซึ่งก็จะช่วยให้พืชฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

4.ช่วยนำพาธาตุอาหารอื่นๆ เพิ่มการดูดซึม
จะช่วยในการดูดซึมของธาตุอาหาร (เช่น เหล็ก สังกะสี แมงกานีส แคลเซียม โบรอน และ โมลิบดินัม) สารเคมีเกษตร และปุ๋ย

5.เพิ่มคุณภาพ
ช่วยเพิ่มผลผลิต (การเจริญเติบโต) และคุณภาพ (ขนาด ความสม่ำเสมอ ปริมาณน้ำตาล สีผล) และช่วยกระตุ้นกระบวนการทางชีวภาพ เช่น การแตกยอด การออกดอก การผสมเกสร และการสุก

จิรา-ซุปเปอร์ 85

จิรา-ซุปเปอร์ 85 มีประสิทธิภาพในการดูดซับธาตุอาหารต่างเหล่านั้นให้แก่พืชดีมากขึ้น และช่วยปลดปล่อยอย่างช้าๆ เพื่อให้พืชได้นำมาใช้ประโยชน์ได้ 100% ทำให้พืชแข็งแรง เจริญเติบโต การออกดอก ออกผล ได้อย่างดี

จิรา-ซุปเปอร์ 85 จะช่วยทำให้ดินให้อุ้มนํ้าและระบายอากาศได้ดี ช่วยทำให้นํ้าและอากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้ดีขึ้นนอกจากนั้น จิรา-ซุปเปอร์ 85 สามารถป้องกันให้นํ้าระเหยออกจากดินน้อยลง หรือสามารถอุ้มนํ้าได้มากขึ้น

ประโยชน์
- ช่วยให้พืชดูดซึมธาตุอาหารต่างๆได้ 100%
- ช่วยเพิ่มปริมาณธาตุอาหารหลัก อาหารรอง อาหารเสริมได้อย่างครบถ้วน
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมี
- ช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยลง 30 - 50%
- ช่วยให้พืช แข็งแรง เจริญเติบโต การออกดอก ออกผล ได้อย่างดี
- ไม่มีสารตกค้างในดินและพืช
- ช่วยเพิ่มผลผลิต จำนวนมาก เพิ่มกำไร
- ช่วยปรับปรุงดิน  แก้ไขปัญหาหน้าดินแข็ง  ดินดาน และการชะล้างหน้าดิน
- ช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ในดินที่เป็นประโยชน์กับพืชให้มากขึ้น

วิธีใช้
- ผสมปุ๋ยเคมี คลุกเคล้า จิรา-ซุปเปอร์ 85 อัตราการใช้ 1 กิโลกรัม กับปุ๋ยเคมี 250 กิโลกรัม
- ผสมปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก คลุกเคล้า จิรา-ซุปเปอร์ 85 อัตราการใช้ 100 กรัม กับปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก 100 กิโลกรัม
- คลุกผสมปุ๋ยน้ำชีวภาพ ละลาย จิรา-ซุปเปอร์ 85 อัตราการใช้ 50 กรัม กับปุ๋ยน้ำ 200 ลิตร
- ปรับสภาพดิน ละลาย จิรา-ซุปเปอร์ 85 อัตราการใช้ 5 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ราดลงพื้นดิน

ผลิตและจัดจำหน่ายโดย :  จิรา อะโกร โซลูชั่น
โทร :  085-4856699

TopPro M-หน้ายาง




Speed Up สุดยอดสารเพิ่มประสิทธิภาพ

@@ คุณสมบัติ @@
- เร่ง : ประสิทธิภาพของยาให้ดูดซึมได้เร็ว
- แรง : เพิ่มประสิทธิภาพของยาให้แรงชัดเจนเห็นผล 100%
- เร็ว : ศัตรูพืชถูกกำจัดได้เร็วเด็ดขาด
- ลด : ต้นทุนในการใช้ยาและปัญหาสุขภาพ
- เพิ่ม : ผลผลิตและกำไรให้แกเกษตรกร
- ทน : แสงแดด ลม หรือฝน ได้ยาวนาน
- ช่วย : ปรับสภาพดิน

สปีดพลัส(Speed +)



สารเพิ่มประสิทธิภาพ สารเร่งประสิทธิภาพ  สารจับใบ  สารดูดซึม  สารนำพา สารลดแรงตึงผิว  สารเสริมประสิทธิภาพ  ฯลฯ
เป็นชื่ออย่างไม่เป็นทางการที่เกษตรกรประเทศไทย  รวมถึงผู้ผลิตเรียกรวมๆกัน ทั้งนี้ผู้เล่าจะกล่าวโดยใช้ชื่อว่าสารดูดซึมเท่านั้น
เพราะตรงตัวตามคุณสมบัติของสาร  สารเหล่านี้ในประเทศไทยมีขายอย่างกว้างขวาง  สะเปะสะปะ  หลายเกรด
หลายคุณภาพ  หลายยี่ห้อ  ซึ่งชวนสับสนแก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก  สารที่มียี่ห้อคุ้นหูเช่น  สารลดแรงตึงผิว  แอบซ่า  80
ของบริษัทแอมเวย์  สารเหล่านี้มีหลายพันชนิด  หลายแหล่งที่มา  ซึ่งสารของเรามีแหล่งที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งทางต่างประเทศเขาสนเรื่องการลดใช้สารเคมีและต้นทุนในการทำการเกษตร

คุณสมบัติของสาร  และข้อดีจากการใช้งาน
1. ช่วยให้สารที่เราใช้ฉีดพ่น  (สารเคมีกำจัดแมลง  สารเคมีกำจัดโรคพืช  สารอาหารพืช  ฮอร์โมนพืช)  ออกฤทธิ์ได้มากถึง  99%  (ออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่  ไม่เสียของ)
2. ทำให้สารที่ใช้ร่วมกับสารดูดซึมกำจัดแมลง  โรคพืช  วัชพืชได้อย่างง่ายดาย  หากใช้ร่วมกับสารอาหารพืชหรือฮอร์โมนจะทำให้พืชได้รับอาหารอย่างเต็มที่
3. ใช้เพื่อควบคุมการระบาดของแมลง   ลดการระบาดของแมลง
4. ไม่ต้องฉีดพ่นสารเคมีบ่อยครั้ง
5. ไม่สูญเสียไปกับแสงแดด  ลม  ฝนและสภาพแวดล้อมอื่นๆ
6. ปลอยภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม  เพราะตัวสารจะไม่ตกค้างและจะสลายตัวเองตามธรรมชาติ
7. โดยตัวสารเอง  ไม่มีพิษมีภัย  หากสัมผัสถูกจะไม่เกิดอาการแพ้  และแสบคัน
8. เป็นสารประเภทไร้ประจุ  จึงสามารถเข้ากันได้กับสารที่ใช้ร่วมทุกชนิด

ลักษณะของเนื้อสาร  :  ลักษณะคล้ายน้ำธรรมดา  แต่มีความหนืดมากกว่าเล็กน้อย  มีกลิ่นแอลกอฮอลล์จางๆ
ลักษณะการใช้งาน  :  สารที่เรามีเป็นหัวเชื้อ  จึงมีความเข้มข้นมาก  สินค้าเกรด A และ A+
- ยาฆ่าแมลง  ยาฆ่าหญ้า  ยาฆ่าเชื้อรา  อัตราการใช้ 5 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตรกรณีที่ระบาดหนัก
- ฮอร์โมน หรืออาหารเสริม อัตราการใช้ 2 ซีซี การฉีดพ่นแนะนำให้ปรับหัวฉีดให้เป็นละอองน้ำเล็กๆ  และไม่ควรฉีดจี้

**** ขนาดบรรจุภัณฑ์ 
- ขายเป็นถังขนาด 25 ลิตร  50 ลิตร  200 ลิตร  หรือใส่ขวด 20,  100  ซีซี  หรือตามแต่ความต้องการลูกค้า

ออโต้เทอร์โบ (AUTO-TURBO)


อาหารเสริมพืชอินทรีย์ ออโต้เทอร์โบ
( สมุนไพรสกัดจากธรรมชาติ ชนิดเข้มข้น 100 % )
“ขวดเดียวใช้ได้กับพืชทุกชนิด 100 ซีซี ฉีดพ่นได้ 50-100 ไร่”
ด้วยคุณสมบัติ 5 in 1 ที่รวมเอาฮอร์โมนพืชทั้ง 5 กลุ่มมาไว้ในขวดเดียว
1.จิบเบอราลีน (ฮอร์โมนที่ช่วยยืด)
2. อ๊อกซิน (ฮอร์โมนที่ช่วยขยาย)
3.ไซโตไคนิน (ฮอร์โมนที่ช่วยในการแบ่งเซลล์)
4. แอ๊บไซซิค แอซิด (ฮอร์โมนที่ช่วยให้ทนแล้ง)
5. เอทีลีน (ฮอร์โมนที่ช่วยเร่งดอก เร่งผล เร่งแก่)
...ซึ่งในฮอร์โมนที่ใช้ทั่วไปตามท้องตลาดใน 1 ขวดจะมีฮอร์โมนพืชแค่อยู่ที่ 1-2 ชนิดเท่านั้น ดังนั้นออโต้เทอร์โบจึงออกฤทธิ์สูงกว่าฮอร์โมลที่ใช้ทั่วไปหลายหมื่นเท่าตัว

คุณประโยชน์ :
1. พืชเจริญเติบโตได้ทุกส่วนอย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็น ราก ใบ ดอก ผล เมล็ด
2. เมื่อนำ ไปแช่เมล็ดทำให้งอกเร็ว รากใหญ่ เปอร์เซนต์การงอกสูง
3. ทำให้ทุกเซลล์ยืดขยายตัว
4. เพิ่มคลอโรฟิลล์ ทำให้มีสีเขียวเข้ม สังเคราะห์แสงได้มาก
5. ตาข้างเจริญเติบโตได้ดี ทำให้แตกกอมาก เช่น ข้าว อ้อย
6. ใบอวบ อวบ หนา เป็นมัน
7. แทงช่อดอกเร็ว ดอกตัวเมียมีมากกว่า ปกติ ติดผลดี
8. ขั้วดอก ขั้วผล เหนียวไม่ร่วงง่าย
...ออโต้เทอร์โบ ไม่มีสารเคมีเจือปน จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค ใช้ได้กับพืชทุกชนิดทำให้ผลดก ขั้วเหนียว น้ำหนักดี ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีลง 50 % และยังสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากกว่า 50-200 %

วิธีใช้ :
ผสมออโต้เทอร์โบ ในอัตรา 1-2 ซีซี ต่อน้ำสะอาด 20 ลิตร ฉีดพ่นพืชช่วงเช้าทุกๆ 15 วัน
ควรอ่านรายละเอียดในแผ่นผับที่แนบอยู่ข้างในกล่องให้เข้าใจอีกครั้ง ก่อนนำไปใช้
ข้อแนะนำ :
1. ก่อนปลูกพืชทุกชนิดควรปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อไม่ให้ดินแน่น และรากขยายตัวได้ดี
2. ควรพ่นในช่วงเช้า 05.00-09.00 น. ในเวลาที่อากาศไม่ร้อน ลมพัดไม่แรงและไม่มีฝนตก ดินมีความชื้น และปรับหัวฉีดให้เป็นละอองให้มากที่สุด
3. พืชที่มีลักษณะใบเป็นวุ้น เช่น สับปะรด แก้วมังกอนกร เป็นต้น ควรฉีดพ่นช่วงเย็น 16.00-18.00 น.
4.ฉีดพ่นทุกส่วนที่เป็นสีเขียว โดยเฉพาะใบ เพราะบริเวณใต้ใบจะมีปากใบจำนวนมาก สามารถดูดซับแร่ธาตุให้มีประสิทธิภาพได้มากที่สุด
5.พืชที่มีผนังเซลล์บอบบาง ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มีความเข้มข้นมาก เพราะจะทำให้ใบพืชหงิกหรือไหม้ได้
6. พืชที่ต้นสูง ฉีดพ่นไม่ถึงสามารถใช้วิธีการผสมน้ำรดทางราก โดยปริมาณเข้มข้นกว่า 2 เท่า
7. ขณะที่พ่นพืชต้องไม่เหี่ยวเฉาหรือขาดน้ำ
8. น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาด
9. หากใช้ไม่หมดขวดเก็บไว้ในที่ร่ม

วิธีใช้ออโต้เทอร์โบ :
พืช ผักสวนครัว ถั่วทุกชนิด พริก มะเขือ คะน้า กะหล่ำปลี ผักกาด หอม กระเทียม แตง ฟัก หน่อไม้ฝรั่ง องุ่น เสาวรส ไม้ประดับ กล้วยไม้ ฯลฯ
นำเมล็ดพันธุ์ใส่ถุงผ้า นำไปแช่ออโต้เทอร์โบ ในอัตราส่วน 1 ซีซีต่อน้ำ 10 ลิตร 4 ชั่วโมง แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง แล้วนำไปหว่าน
เมื่อเริ่มมีใบ ใช้ในอัตรา 1-2 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 15 วัน

ข้าว

นำเมล็ดพันธุ์ไปแช่ออโต้เทอร์โบ ในอัตราส่วน 1 ซีซีต่อน้ำ 10 ลิตร 1 คืน นำไปหว่าน
การฉีดพ่นใช้อัตรา 1 ซีซีต่อน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่น 3 ครั้งคือ
1. ระยะข้าวอายุ 20 วัน เพื่อให้แตกกอมาก
2. ระยะข้าวอายุ 50 วัน หรือก่อนข้าวตั้งท้อง เพื่อให้มีดอกมากรวงมาก
3. ระยะข้าว เริ่มมีเมล็ด เพื่อเร่งความเต่ง เพิ่มน้ำหนัก และขั้วเหนียว

ข้าวโพด
คลุกเมล็ด 0.5 ซีซี ต่อน้ำ 2 แก้ว ต่อเมล็ดพันธ์ 14 กก. ทิ้งใว้ 1 คืน ก่อนปลูก เมล็ดจะแห้งพอดี เมื่อเริ่มมีใบ ใช้ในอัตรา 2-4 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 15 วัน จนต้นสูงหนาแน่นพ่นไม่ได้

อ้อย, มันสำประหลัง
อัตรา 1 ซีซีต่อน้ำ 10 ลิตร ราดท่อนพันธุ์
เมื่อเริ่มมีใบ ใช้ในอัตรา 2-4 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตรทุกๆ 1 เดือน จนต้นสูงหนาแน่นเข้าฉีดพ่นไม่ได้


ไม้ผล ไม้ยืนต้น มะม่วง ลำไย ส้มโอ เงาะ มังคุด ทุเรียน ลองกอง ขนุน ชมพู่ ฯลฯ
- คลุกเมล็ดหรือแช่กิ่งพันธ์ ใช้ในอัตรา 1 ซีซี ต่อน้ำ 10 ลิตร
- ระยะบำรุงต้นถึงก่อนดึงช่อดอก ใช้ในอัตรา 1 ซีซี ต่อน้ำ 10 ลิตร ทุกๆ 15 วัน
- ระยะติดลูกเท่าหัวไม้ขีด ใช้ในอัตรา 1 ซีซี ต่อน้ำ 10-20 ลิตร ทุกๆ 15 วัน
ข้อมูลเฉพาะที่ใช้เกี่ยวกับยางพารา
- ฉีดพ่นยางพารา 1 ครั้ง / เดือน
- ฉีดพ่นที่ใบยางเล็ก หรือ รอบๆต้นยาง สำหรับยางใหญ่ หรือเปิดกรีดแล้ว ให้ฉีดพ่นเป็นละอองหมอก ตั้งแต่โคนต้น ไปจนถึงระดับหน้ายาง
- อัตราการใช้ 1 ซีซี / น้ำ 10 ลิตร ( ถัง 20 ลิตร ใส่แค่ 2 ซีซี คิดเป็นต้นทุน 9 บาท / ถัง )
- ถัง 20 ลิตร ฉีดพ่นได้ประมาณ 125 ต้น
.....ดัง นั้น ถ้าสมมุตปลูกยางอยู่ที่ 50 ไร่(คิดเฉลี่ย 1 ไร่ มี 76 ต้น) คิดเป็นประมาณ 3,800 ต้น จะต้องใช้ออโต้เทอร์โบประมาณ 60 ซีซี ( 1 ขวด บรรจุ 100 ซีซี ) ต่อการฉีดพ่น 1 ครั้ง หากคิดต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ ต้นละ 7 สตางค์

ข้อมูลเฉพาะที่ใช้เกี่ยวกับปาล์ม
- ฉีดพ่นปาล์ม 1 ครั้ง / เดือน
- ฉีดพ่นที่ใบปาล์ม หรือ รอบๆต้นปาล์ม สำหรับปาล์มใหญ่ ให้ฉีดพ่นเป็นละอองหมอก บริเวณรอบโคนต้น หรือรากฝอยของปาล์ม
- อัตราการใช้ 1 ซีซี / น้ำ 10 ลิตร

ข้อมูลเฉพาะที่ใช้เกี่ยวกับสับปะรด
- ระยะขยายสะโพก (1-8 เดือน) ฉีดพ่นครั้งที่ 1 (สามารถฉีดพ่นได้ไปเรื่อยๆทุกๆ 20 วัน ก่อนถึงการหยอดแก็ส 1 เดือน)
อัตราการฉีดพ่น 1 ซีซี / น้ำ 10 ลิตร
- ระยะบำรุง หลังหยอดแก็สมีตาเท่ากับเหรียญห้าบาท ฉีดพ่นครั้งที่ 2 อัตราการฉีดพ่น 1 ซีซี / น้ำ 10 ลิตร
- ระยะเพิ่มผลผลิต หลังหยอดแก็สมีตาขึ้นมาประมาณ 5 ตา ฉีดพ่นครั้งที่ 3 (สามารถฉีดพ่นได้ไปเรื่อยๆทุกๆ 20 วัน)
อัตราการฉีดพ่น 1 ซีซี / น้ำ 10 ลิตร
*** ข้อควรรู้ สับปะรดเป็นพืชที่คายน้ำช่วงเย็น ดังนั้นควรฉีดพ่นช่วง 16.00-18.00 น.

*_* หมายเหตุ ควรฉีดพ่นออโต้เทอร์โบ ก่อนการใส่ปุ๋ย 5-7 วัน จะทำให้พืชกินปุ๋ยได้มากขึ้น
หากจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงควรผสมออโต้เทอร์โบ ลงในน้ำก่อนแล้วจึงใส่ยาอื่นตามหลัง